ปักกิ่ง (กำแพงเมืองจีน)
ประเทศจีน ถือได้ว่าเป็นประเทศที่มรดกโลก หลากหลาย อีกประเทศหนึ่ง ทั้งทางด้วยสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และธรรมชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวมากมาย ให้ความสนใจ และเดินทางมาเยี่ยมชมกันไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลวันหยุดยาว พาครอบครัวมาพักผ่อน หรือพาเพื่อนมาเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้ เชื่อมสัมพันธไมตรีกัน รวมถึงบริษัทฯ หลายแห่ง ที่จัดทริปเดินทางพาพนักงานมาเที่ยวประจำปี
ปักกิ่ง ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ พากันเดินทางมาท่องเที่ยว เยี่ยมชมตลอดทั้งปี ปักกิ่ง หรือ เป่ย์จิง เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีชื่อย่อว่า จิง ตั้งอยู่ที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของ ที่ราบหวาเป่ย ชื่อเดิมคือ จี่ สมัยชุนชิวจ้านกั๋วเป็นเมืองหลวงของแคว้นยัน สมัยราชวงศ์เหลียว เป็นเมืองหลวงรอง ชิ้อยันจิง เป็นเมืองหลวงของจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิน หยวน หมิง ชิงจนถึง สาธารณรัฐจีน เคยใช้ชื่อจงตู ต้าตู เป่ยผิงและเป่ยจิง โดยมีชื่อเรียกทั้งหมดกว่า 60 ชื่อ เริ่มตั้งเป็นเมืองตั้งแต่ปี 1928 ปัจจุบัน แบ่งเป็น 16 เขตและ 2 อำเภอ เป็นนครที่ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง พื้นที่ทั่วนครเป่ยจิงมีถึง 16,800 ตารางกิโลเมตร ถึงสิ้นปี 2002 ทั่วนครเป่ยจิงมีประชากร 1,136,300 คน นครเป่ยจิงเป็นศูนย์การเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษาและเขตชุมทางการคมนาคมทั่วประเทศจีนและก็เป็นเมืองท่อง เที่ยวที่มีชื่อดังทั้งในประเทศจีนและในโลก แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมีกำแพงเมืองจีน พระราชวังโบราณ หอสักการะฟ้าเทียนถัน สุสานจักรพรรดิสมัยราชวงศ์หมิง วังพักร้อนอี๋เหอหยวนและภูเขาเซียงซาน เป็นต้น ปัจจุบันปักกิ่งเป็นเขตการปกครองพิเศษแบบมหานคร 1 ใน 4 แห่งของจีน ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากับมณฑลหลังจากปักกิ่งได้รับการจัดตั้งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 โดยเฉพาะหลังจากสมัย 80 ศตวรรษที่ 20 เมืองปักกิ่งได้พัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ มีการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ปัจจุบันนี้ปักกิ่งมีถนนที่สลับกัน ตึกสูงๆ โดยไม่เพียงแต่รักษาสภาพเมืองโบราณ และยังแสดงถึงสภาพเมืองที่ทันสมัย กลายเป็นเมืองใหญ่ของโลก
เมืองปักกิ่ง เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมที่มีประวัติ อันยาวนานกว่า 3,000 ปี ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน และเป็นหนึ่งในราชธานีโบราณทั้งหกของจีน มีแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางธรรมชาติ และโบราณสถานมากมาย และยังเป็นเมืองที่มีมรดกทางประวัติศาสตร์ที่เป็นสุดยอดของโลกหลายที่ เช่น ประตูเทียนอันเหมิน กับจัตุรัสเทียนอันเหมิน ที่เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นสัญลักษณ์ของปักกิ่ง และของประเทศจีนด้วย พระราชวังกู้กง (เมืองต้องห้าม) ซึ่งเป็น กลุ่มสิ่งก่อสร้างโบราณที่ใหญ่ที่สุดและครบสมบูรณ์ที่สุดของโลก กำแพงเมืองจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดของสิ่งมหัศจรรย์ของโลก (กำแพงเมืองจีนปาตาหลิ่ง มีบางส่วนอยู่ที่ปักกิ่ง)
กำแพงเมืองจีน ที่ถือว่า เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีระยะทางยาวกว่า 7,000 กิโลเมตร เป็นสิ่งก่อสร้างในกิจการป้องกันทางการทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลกสมัยโบราณ เมื่อปี 1987 กำแพงเมืองจีนได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลก งาน สร้างสรรค์กำแพงเมืองจีนเริ่มขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสต์ศักราช ผู้ปกครองของจีนในสมัยโน้นได้สร้างกำแพงเมืองเชื่อมป้อมและป้อมไฟสัญญาณแจ้งเหตุในเขตชายแดนเข้าด้วยกันเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนชาติส่วนน้อยในภาคเหนือ ถึงสมัยชุนชิวจ้านกั๋ว เจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ของจีนพากัน แย่งชิงความเป็นใหญ่ เกิดสงครามระหว่างกันไม่ขาดสาย จึงได้สร้างกำแพงเมืองตามเทือกเขาใน เขตชายแดนเพื่อป้องกันฝ่ายตรงข้าม ถึงปี 221 ก่อนคริสต์ศักราชจักรพรรดิจิ๋นซีได้รวมจีนเข้าเป็นเอกภาพและได้เชื่อมกำแพงเมืองในแคว้นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนชาติ ส่วนน้อยแถบทุ่งหญ้าอันกว้างไพศาลในมองโกเลีย กำแพงเมืองจีนในสมัยนั้นมีระยะทางยาวกว่า 5,000 กิโลเมตร หลังจากนั้น ผู้ปกครองของจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นได้สร้างกำแพงเมืองจีนต่อจนมี ระยะทางยาวกว่า 10,000 กิโลเมตร ในช่วงระยะเวลากว่า 2000 ปี ผู้ปกครองของจีนในสมัยต่าง ๆ ต่างก็เคยสร้างกำแพงเมืองมากบ้างน้อยบ้าง รวม ๆ แล้วมีระยะทางยาวกว่า 50000 กิโลเมตร ซึ่งสามารถล้อมโลกได้เกิน 1 รอบโดยทั่วไปแล้ว กำแพงเมืองจีนในปัจจุบันหมายถึงกำแพงเมืองจีนสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368 -ค.ศ.1644)ระหว่างด่านเจียอี้กวนในมณฑลกันซู่ทางภาคตะวันตกถึงริมฝั่งแม่น้ำยาลู่ในมณฑลเหลียวหนิงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ผ่าน 9 มณฑล นครและเขตปกครองตนเอง ของจีนโดยมีระยะทางยาวรวม 7300 กิโลเมตร เท่ากับ 14000 กว่าลี้ จึงได้ชื่อว่า กำแพงหมื่นลี้ โดยทั่วไปแล้ว ด้านนอกของกำแพงเมืองจีนก่อด้วยอิฐก้อนใหญ่และแกนหินข้างในถมด้วยดินเหลืองและเศษหิน ความสูงประมาณ 10 เมตร สันกำแพงเมืองจีนกว้าง 4 ถึง 5 เมตร ให้ม้า 4 ตัวไปพร้อมกันได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายทหาร ขนส่งอาหารและอาวุธยามศึก ด้านในของกำแพงเมืองมีประตูที่ทำบันไดหินไว้ การขึ้นลงสะดวกมาก ทั้งได้สร้างป้อมและป้อม จุดไฟสัญญาณแจ้งเหตุเป็นช่วง ๆ ป้อมเป็นที่เก็บอาวุธ อาหารและที่พักของทหาร ยามศึก ก็จะใช้เป็นที่กำบังได้ ถ้ามีศัตรูรุกเข้ามา ก็จะจุดไฟสัญญาณให้มีควันขึ้นบนป้อมแจ้งเหตุเพื่อส่งข่าว ไปยังทั่วประเทศทันที
ปัจจุบัน กำแพงเมืองจีน ไม่มีสมรรถนะในการใช้เป็นป้อมรับศึกอีกแล้ว แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าทึ่งในฐานะสถาปัตยกรรมอันสง่างามอย่างหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ
กำแพงเมืองจีน มีความหมายทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและคุณค่าทางการท่องเที่ยวอย่างสูง ผู้คนในจีนซึ่งรวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งจีนและต่างประเทศแม้กระทั่งผู้นำต่างประเทศด้วยมักจะกล่าวกันว่า ถ้า ไม่ได้ขึ้นกำแพงเมืองจีนก็ไม่ใช่ผู้กล้า กำแพงเมืองจีนหลายช่วงที่ได้รับการอนุรักษ์ค่อนข้างดี เช่น ป๋าต้าหลิ่ง ซือหม่าไถ มู่เถียนอี้ ด่านซานไห่กวน และด่านเจียอี้กวน เป็นต้นต่างก็เป็นแหล่งท่อง เที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวกันสม่ำเสมอตลอดทั้งปี เมื่อปี 1987 กำแพงเมืองจีนได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในฐานะที่เป็น สัญลักษณ์ของประชาชาติจีน
สนใจทัวร์ปักกิ่ง กำแพงเมืองจีน ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.doubleenjoy.com/ทัวร์เที่ยวจีน/ทัวร์ปักกิ่ง.aspx
ขอขอบคุณ ข้อมูล และภาพสวยๆ จาก
1. http://thai.cri.cn/chinaabc/chapter22/chapter220107.htm
2. http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=2b97c3626f13fd29&pli=1
3. httppirun.ku.ac.th
4. httpth.tripleasia.com
5. httpwww.xn--12c1bij4d1a0fza6gi5c.com