วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

จิ่วจ้ายโกว


     จิ่วจ้ายโกว หรือ อุทยานสระสวรรค์ หรืออุทยานธารสวรรค์จิ่วจ้ายโกว แล้วแต่ว่าเรียกกันแบบไหน ก่อนที่จะไปทัวร์จิ่วจ้ายโกว ก็ได้ศึกษาหาข้อมูลพอสมควร จิ่วจ้าวโกว เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าทางตอนใต้ของเทือกเขาหมินซาน และเป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำเจียหลิงที่เป็นสาขาหนึ่งของลำน้ำแยงซีเกียง ตั้งอยู่ริมชายขอบของที่ราบสูงทิเบตดินแดนแห่งหลังคาโลก บริเวณทางทิศเหนือของมณฑลเสฉวน เขตต่อเชื่อมจากที่ราบสูงทิเบตสู่มณฑลซื่อชวน อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองเฉิงตูราว 500 กิโลเมตร

     จิ่วจ้ายโกว ในภาษาจีนหมายถึง แควเก้าหมู่บ้าน (คำว่า จิ่ว = เก้า, ไจ้ = หมู่บ้าน, โกว = แควหรือธารน้ำ) โดยมีที่มาจากชนชาติทิเบต 9 หมู่บ้านที่อาศัยอยู่ริมธารน้ำบริเวณนี้มาแต่เดิม
จิ่วจ้ายโกว ได้รับการเรียกขานจากชนเผ่าทิเบตว่าเป็น “ขุนเขาธารน้ำอันศักดิ์สิทธิ์” ดังนั้นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นขุนเขา ป่าไม้ ลำน้ำ หรือหินทุกก้อนล้วนได้รับการเคารพจากชนเผ่าพื้นเมืองทิเบต ปัจจุบันผืนป่าโบราณอันอุดมแห่งนี้จึงยังคงได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี
จิ่วจ้าวโกว มีตำนานเล่าขานว่า เมื่อในครั้งอดีตกาลมีนักรบหนุ่มคนหนึ่งนามว่า ต้าเกอ ผู้ที่มีชิวิตเป็นอมตะ อาจเอื้อมไปรักเจ้าหญิง อู่นัวเซอโหม่ ผู้ทรงศักดิ์ ด้วยความรักอันมากมายที่ต้าเกอและเจ้าหญิงอู่นัวเซอโหม่ มีให้กัน ทำให้เทวดาและผู้ทรงศีลทั้งหลายเกิดอิจฉา วันหนึ่งนักรบหนุ่มได้สร้างกระจกวิเศษซึ่งทำมาจาก สายลมอันสงบ แสงแดดอันอบอุ่น หมู่เมฆอันนุ่มละมุน และขาวบริสุทธิ์ เพื่อมอบให้กับ เจ้าหญิงอู่นัวเซอโหม่ผู้เป็นที่รัก แต่ก่อนที่เจ้าหญิงจะได้รับกระจก เหล่าเทพเทวดาก็อิจฉา จึงบันดาลให้กระจกแตก เศษแก้วก็กระจายล่วงลงมาสู่โลกมนุษย์ เศษกระจกแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยถึง 108 ชิ้น ซึ่งต่อมากลายเป็นทะเลสาบน้อยใหญ่ 108 แห่ง ซึ่งมีสีของน้ำเป็นสีฟ้าใสอมม่วง สลับกับทิวเขาที่มีใบไม้หลากสีสัน สวยงามในแต่ละฤดูกาลแตกต่างกันออกไป อย่างน่ามหัศจรรย์

     จิ่วจ้ายโกว พื้นที่อันห่างไกลแห่งนี้มีชาวทิเบต และเชียง ตั้งรกรากอยู่มานานหลายศตวรรษ มีแต่ทางม้ากับทางภูเขาเท่านั้น ชาวธิเบตดำรงชีวิตกันแบบพอเพียง ไม่ค่อยได้ติดต่อกับโลกภายนอกมากนัก และไม่ได้มีการสำรวจอย่างเป็นทางการจนกระทั่งปี พ.ศ. 2515 มีการทำธุรกิจตัดไม้อย่างหนัก จนถึงปี พ.ศ. 2522 กระทรวงป่าไม้ของจีน นำโดย หวูจงหลุน ได้เข้าสำรวจพื้นที่จิ่วจ้ายโกว และได้ค้นพบความสวยงามของธรรมชาติ จึงได้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการอนุรักษ์จิ่วจ้ายโกว ต่อเทศบาลมณฑลเสฉวน ต่อมารัฐบาลจีนได้สั่งห้ามกิจการดังกล่าว และประกาศพื้นที่นี้เป็นอุทยานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2525 จนกระทั่ง พ.ศ. 2527 จึงได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม โดยการวางกฎระเบียบและสถานที่ต่างๆ ภายในอุทยานเสร็จสมบูรณ์ใน พ.ศ. 2531 และในปี พ.ศ. 2535 องค์การยูเนสโกได้ประกาศพื้นที่นี้ให้เป็นมรดกโลก และเป็น World Biosphere Reserve ใน พ.ศ. 2540
     จิ่วจ้ายโกว มีสภาพทางนิเวศวิทยาของบริเวณนี้เป็นร่องรอยที่เกิดจากแรงอัด และการเคลื่อนตัวของ เปลือกโลกหนุนขึ้นมาจนอยู่ในระดับสูง ทำให้เกิดร่องหินคดเคี้ยวเป็นทางยาว มีทั้งยอดเขาหิมะสูงเสียดฟ้า และหุบเขาลึก เฉพาะเขตที่มีการเปิดให้สาธารณชนเข้าชมก็มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 2,000 - 3,100 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 7 - 8 องศาเซลเซียส มีป่าไม้โบราณที่ครอบคลุมอาณาบริเวณในจิ่วจ้ายโกวกว่าครึ่ง แน่นครึ้มไปด้วยพืชพรรณแมกไม้หลายหลาก ทั้งยังเป็นแหล่งชุมนุมของสัตว์ป่า และนกนานาชนิด และเนื่องจากสภาพภูมิอากาศมีความแตกต่างกัน ดังนั้นชนิดหรือพันธุ์พืชก็แตกต่างไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ และอากาศ นับตั้งแต่พันธุ์ไม้โบราณ พันธุ์ไม้หายาก พันธุ์ไม้ที่ขึ้นในป่าดิบชื้น พันธุ์ไม้ที่ผ่านการปรับตัวทางพันธุกรรม และเฟิร์นชนิดต่างๆ ที่มีคุณค่ามากมาย ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าธรรมชาติกว่า 3 พันตารางกิโลเมตร สัตว์และพันธุ์พืชกว่า 2,000 ชนิด สัตว์อนุรักษ์อีก 17 ชนิด รวมทั้งสัตว์สงวนอย่าง แพนด้า กระทิง ค่างขนทอง ละมั่งลายจุด กวางปากขาว แพนด้าจิ๋ว ลิงกัง ไก่ฟ้า ห่านฟ้า เป็นต้น


     ด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีความสูงต่ำแตกต่างกันอย่างมากมายนี้ ได้ทำให้สภาพภูมิอากาศและพืชพรรณสัตว์ป่าก็มีความหลากหลาย และซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งสภาพเช่นนี้จึงทำให้จิ่วจ้ายโกว มีอากาศบริสุทธิ์สดชื่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก วิวสวยตลอดทั้งปี ฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้จะเขียวขจี ดอกท้อบานสะพรั่ง ฤดูร้อน ป่าไม้ก็ยังคงเขียว พร้อมมีดอกไม้ป่านานาพรรณ ฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงที่คนนิยมมาเที่ยวมากที่สุด เพราะใบไม้ทั้งป่าจะเปลี่ยนสี เป็นสีแดง เหลืองอ่อน เทา และน้ำตาล สวยงามยิ่งนัก ฤดูหนาว สีเขียวของป่าไม้ตัดกับสีขาวของหิมะ ช่างเป็นภาพที่สวยงามลงตัวราวกับภาพวาด
ปัจจุบัน เส้นทางอุทยานที่เปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมมีความยาว 49 กิโลเมตร จากพื้นที่ 3 ใน 9 แคว โดยรัฐบาลจีนได้จัดทำบันไดไม้ปูลาดเป็นทางยาวเลียบไปกับเส้นทางน้ำ ผ่านโตรกธาร บึงน้ำ สระมรกต และน้ำตก เพื่อให้ได้ชื่นชมกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
     การเดินทางเข้าไปยังอุทยานจิ่วจ้ายโกวนั้น เราต้องขึ้นรถของทางอุทยานฯ เพื่อเข้าไปภายใน ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้รถจากภายนอกใดๆ เข้าไปทั้งสิ้น รถที่ใช้นั้นไม่ใช้น้ำมัน แต่เป็นรถที่ใช้พลังงานธรรมชาติ เพื่อลดมลภาวะในอากาศ ห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด ยกเว้นบางจุด (ซึ่งมีน้อยมากๆ) เท่านั้น รถจะวิ่งไต่ระดับความสูงตามเส้นทางที่แคบ และคดเคี้ยว ของภูเขาไปเรื่อยๆ จนถึงจุดชมวิว หากเราอยากเที่ยวตรงจุดไหนก็สามารถขอลงได้ ณ จุดจอดรถ
  


สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอุทยานจิ่วจ้ายโกว    ทะเลสาบต้นอ้อ ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยต้นไผ่อ้อ มีลำธารสีเขียวฟ้าไหลผ่านกลางไผ่อ้อ ในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อน ไผ่อ้อจะสีเดียวกับลำธาร ส่วนฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว ไผ่อ้อจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ตัดกับสีเขียวของลำธาร
    ทะเลสาบมังกรหลับ ทะเลสาบนี้ไม่ใหญ่มากนัก แต่ถือว่าเป็นตัวแทนของทะเลสาบสีน้ำเงิน
    หมู่ทะเลสาบซู่เจิ้น หมู่ทะเลสาบซู่เจิ้น ประกอบด้วยทะเลสาบใหญ่เล็ก 19 แห่ง สลับกันเป็นขั้นบันได ระหว่างทะเลสาบเหล่านี้เต็มไปด้วยต้นไม้ตระกูลหญ้าต่างๆ สมญานามว่า วิวจำลองจิ่วจ้ายโกว
    น้ำตกซู่เจิ้น น้ำตกซู่เจิ้น มีลักษณะเหมือนกลับดอกบัว น้ำที่ไหลมาจากทะเลสาบข้างบน ถูกต้นไม้แยกเป็นสายน้ำเล็กๆหลายพันสาย สุดท้ายก็มารวมกันที่ยอดน้ำตกเทลงมาทีเดียว สง่างามมาก
    ทะเลสาบเสือ ทะเลสาบนี้น้ำลึกและเงียบสงบ ที่มาของชื่อทะเลสาบ มี 3 อย่าง (1) เสียงน้ำไหลของน้ำตกซู่เจิ้นดังเหมือนเสียงร้องของเสือ (2) ฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ใบไม้รอบๆทะเลสาบ จะเปลี่ยนสีและสะท้อนบนผิวน้ำดูเหมือนรวดลายของเสือ (3) เสือในป่าลงมากินน้ำที่ทะเลสาบนี้บ่อยๆ
    ทะเลสาบแรด เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่อันดับ 2 ของอุทยานจิ่วจ้ายโกว รองจากทะเลสาบยาว และเป็นทะเลสาบที่มีวิวเปลี่ยนเยอะที่สุด เงาสะท้อนสวยงามอันดับ 1 รอบทะเลสาบเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนจะเป็นสีเขียวทั้งหมด ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะเป็นสีแดง ส่วนต้นจะเป็นสีเขียว ส่องเงาสะท้อนน้ำยิ่งสวยงาม โดยเฉพาะสีครามผืนใหญ่กลางทะเลสาบ
    น้ำตกโน่ยื่อหล่าง เป็นน้ำตกหินปูนที่กว้างที่สุดของอุทยานจิ่วจ้ายโกว และกว้างที่สุดในประเทศจีน โน่ยื่อหล่างในภาษาธิเบตหมายถึง เทวดาที่สง่างาม ในฤดูหนาว น้ำตกจะแข็งตัวกลายเป็นม่านน้ำแข็ง ห้อยย้อยตามหน้าผาหิน
    ทะเลสาบกระจก เงาสะท้อนของทะเลสาบกระจก เสมือนกระจกบานใหญ่สะท้อนเงาจากท้องฟ้า ทำให้เกิดภาพพิเศษขึ้นมา คือมีปลาว่ายกลางเมฆหมอก มีนกบินกลางสายน้ำ ริมทะเลสาบมีต้นไม้สองต้นพันกันสูงระฟ้า ทำให้คู่รักนิยมมาถ่ายรูปที่นี่ เพราะเชื่อกันว่าจะซื่อสัตย์ต่อความรักตลอดไป เวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายรูปที่ ทะเลสาบกระจก คือต้องถ่ายก่อน 9 โมงเช้า หรือหลัง 5 โมงเย็น เพราะผิวน้ำจะนิ่งสงบ ทำให้เกิดเงาสะท้อนที่ชัดเจน
    น้ำตกธารไข่มุก เกิดจากการรวมตัวของน้ำที่ไหลมาจากธารไข่มุก แล้วตกลงไปตามหน้าผา สวยงามและเสียงดังมาก เรียกได้ว่าเป็นน้ำตกที่เสียงดังที่สุดในอุทยานจิ่วจ้ายโกวเลยทีเดียว ที่น้ำตกแห่งนี้ ยังเคยเป็นจุดที่ใช้ถ่ายทำภาพยนต์เรื่องไซอิ๋ว เพราะความสวยงามของน้ำตกนั่นเอง
    ทะเลสาบกระดิ่งทอง ที่มาของชื่อ ก็เพราะว่า มีทะเลสาบ 2 แห่งติดกัน เหมือนกระดิ่ง ทะเลสาบแห่งเล็กน้ำลึก 103 เมตร และเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดของอุทยานจิ่วจ้ายโกว
    ทะเลสาบดอกไม้ห้าสี เป็นทะเลสาบที่มีวิวสวยอันดับต้นๆ ของอุทยานจิ่วจ้ายโกว เนื่องมาจากการกระจายตัวของตะกอนหินปูน สาหร่าย และพืชน้ำ ทำให้เกิดสีหลายสีสวยงามมาก
    ทะเลสาบหมีแพนด้า ได้ชื่อนี้เพราะว่าในสมัยก่อน บริเวณนี้มีหมีแพนด้าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
    ทะเลสาบไผ่ลูกศร เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยไผ่ลูกศร อันเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบไผ่ลูกศรนั่นเอง ไผ่ลูกศรเป็นอาหารโปรดของหมีแพนด้า น่าแปลกใจที่ว่า ในฤดูหนาว น้ำในทะเลสาบไผ่ลูกศรยังคงเป็นสีเขียว ในขณะที่ทะเลสาบหมีแพนด้า ซึ่งอยู่ใกล้กัน กลับกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด
    น้ำตกไผ่ลูกศร เป็นน้ำตกที่กว้าง แต่ไม่สูงมากนัก
    ทะเลสาบหญ้า เป็นทะเลสาบกึ่งบึง ตั้งอยู่ในหุบเขาสูงและลึกลับ เงียบสงบ แสงแดดส่องถึงช้ากว่าทะเลสาบแห่งอื่นๆ
    ทะเลสาบฤดูกาล เส้นทางจากน้ำตกโน่ยื่อหล่าง ถึงทะเลสาบยาว เป็นเส้นทางที่ยาวที่สุด (18 กม.) และสูงที่สุดในอุทยานจิ่วจ้ายโกว ซึ่งจะผ่านทะเลสาบฤดูกาล 3 แห่ง แต่ละแห่งห่างกันพอสมควร ทะเลสาบฤดูกาลตอนใต้ อยู่ใกล้กับหมู่บ้านจือจาวา ทะเลสาบฤดูกาลตอนกลางอยู่ช่วงกลางของเส้นทาง ส่วนทะเลสาบฤดูกาลตอนเหนือ จะอยู่ใกล้กับทะเลสาบห้าสี ตามลักษณะของชื่อ ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า ทะเลสาบแห่งนี้จะมีน้ำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ในฤดูฝน น้ำก็จะเต็มทะเลสาบ ทำให้เราเห็นเป็นทะเลสาบสีคราม ในฤดูร้อน น้ำก็จะน้อย เห็นเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนในฤดูแล้ง น้ำก็จะแห้ง และเต็มไปด้วยต้นหญ้า ทำให้มีฝูงวัวกับแพะมากินหญ้าเต็มไปหมด
    ทะเลสาบห้าสี ในอุทยานจิ่วจ้ายโกว ทะเลสาบห้าสี ถือเป็นจุดไฮไลท์อีกแห่งหนึ่ง เพราะน้ำใสบริสุทธิ์ มองเห็นก้นทะเลสาบอย่างชัดเจน เล่ากันว่า ทะเลสาบห้าสีเป็นที่ล้างหน้าของนางฟ้าซื่อหม่อ ซึ่งเทวดาด๋าเกอเป็นคนตักน้ำจากทะเลสาบยาวมาให้ทุกวัน จนทางเดินที่เทวดาด๋าเกอใช้เดินกลายเป็นขั้นบันไดทั้งหมด 189 ขั้น และแป้งที่ล้างออกจากใบหน้าของนางฟ้าซื่อหม่อ ก็กลายมาเป็นทะเลสาบห้าสีในปัจจุบัน เชื่อกันว่า คู่รักคู่ใดไปอธิฐานรักที่ทะเลสาบห้าสี แล้วเดินกลับขึ้นมาด้านบนโดยผ่านบันได 189 ขั้น ก็จะรักกันชั่วนิจนิรันดร์
     ความงดงามของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลายของ อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว จึงยังคงความงดงามดั่งแดนดินที่ถูกนิรมิต ซึ่งนักท่องเที่ยวทั่วโลกปรารถนาที่จะไปทัวร์จิ่วจ้ายโกว เพื่อชมความสวยงามของความเป็นธรรมชาติ ท้องฟ้าสีคราม เมฆสีขาว อากาศอันบริสุทธิ์ พืชพันธุ์นานา ชนิดที่มีสีสันอันหลากหลาย ทะเลสาบน้อยใหญ่ ดังกระจกเงา ธารน้ำตกที่มีชีวิตชีวา ล้วนเป็นฝีมือของธรรมชาติที่มอบเป็นมรดกแก่มนุษย์ ณ สถานที่ ที่ได้ถูกเรียกขานว่า อุทยานสระสวรรค์ หรืออุทยานธารสวรรค์ จิ่วจ้ายโกว



สนใจทัวร์จิ่วจ้ายโกว ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.doubleenjoy.com/ทัวร์เที่ยวจีน/ทัวร์จิ่วจ้ายโกว.aspx

ขอบคุณข้อมูลจาก  
1. www.xn--12cna8hxad8en4k6bn.com/ (www.จิ่วจ้ายโกว.com)
2. www.abroad-tour.com/china/jiuzhaigou/
3. www.doubleenjoy.com

ขอบคุณภาพสวยๆ จาก
1. www.doubleenjoy.com
2. www.trekkingthai.com