ซื่อกูเหนี่ยงซัน (ภูเขาสี่ดรุณี)
ภูเขาสี่ดรุณี มีชื่อว่า ซื่อกูเหนี่ยงซัน อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เขตวนอุทยานฉางผิง มณฑลเสฉวน เหนือมณฑลยูนนานติดกับเขตปกครองตนเองทิเบต ห่างจากเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวนประมาณ 220 กิโลเมตร วนอุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่าสองพันตารางกิโลเมตร มีชนกลุ่มน้อยหลายเชื้อชาติอยู่ตามหุบเขาและลำธารน้อยใหญ่ เช่น เชื้อชาติทิเบต ยี่ เมี่ยว หุย เซียง แต่บริเวณใกล้ ซื่อกูเหนี่ยงซัน มีหมู่บ้านชาวทิเบตและเจดีย์โบราณแบบทิเบต ดังนั้นเรื่องเล่าต่อไปนี้ สันนิษฐานว่าเป็นเรื่องของชนเผ่าทิเบต เรื่องมีอยู่ว่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีวิชา เก่งกาจด้านการต่อสู้และเวทย์มนต์คาถา อาจารย์ท่านนี้มีลูกสาวอยู่สี่คน ซึ่งนางทั้งสี่ มีหน้าตาและรูปร่างสวยงาม เป็นที่ร่ำลือไปทั่วแคว้นน้อยใหญ่ ความงามของนางทั้งสี่เป็นที่เลื่องลือไปถึงยักษ์ตนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดินแดนตอนเหนืออันห่างไกล ยักษ์ตนนั้นจึงอยากได้นางทั้งสี่มาเป็นภรรยา ยักษ์จึงเดินทางมาสู่ขอกับอาจารย์ อาจารย์ท่านนั้น เห็นว่าเป็นยักษ์ จึงไม่ยอมยกลูกสาวให้ เกิดการต่อสู้กันทำให้สภาพพื้นที่ของหมู่บ้านเปลี่ยนแปลง เกิดภูเขาใหญ่น้อย พายุฝน ลูกเห็บ หิมะ มากมาย
ในที่สุดอาจารย์ผู้เป็นบิดาก็พ่ายแพ้แก่ยักษ์ นางทั้งสี่หรือ สี่ดรุณี จึงหนีไปด้วยความกลัว นางรอนแรมหนีเข้าป่าไปหลายวันหลายคืนจนหมดแรง เหนื่อยอ่อน ยักษ์ก็ตามมาติดๆ จนกระทั่งเกิดพายุใหญ่หอบนางทั้งสี่มาบริเวณภูเขาและพายุก็พาเอาหิมะมาเกาะ ปกคลุมตัวนาง แข็งตายเป็นภูเขาสี่ดรุณี ซื่อกูเหนี่ยงซัน (ซื่อ แปลว่าสี่ กูเหนี่ยง แปลว่า หญิงสาว ซัน แปลว่า ภูเขา ) ลักษณะของ ซื่อกูเหนี่ยงซัน เป็นภูเขาหินสูงใหญ่ สี่ ลูกเรียงกัน มีหิมะปกคลุมเกือบตลอดปี โดยเฉพาะตรงยอดเขา และมีเขาลูกหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด สูงที่สุด ว่ากันว่านั่นคือน้องสาวคนสุดท้อง เพราะตามธรรมเนียมของชนเผ่าท้องถิ่น คนน้องจะมีความเป็นอยู่สบายที่สุด ตัวจึงโตที่สุด คนพี่นั้นต้องทำงานช่วยบิดามารดา และเลี้ยงน้อง ร่างกายจึงไม่เจริญเติบโตเต็มที่
จากเรื่องเล่านี้ เราสามารถเรียนรู้และมองเห็นได้หลายอย่าง เช่นบิดาที่เป็นอาจารย์ ในสมัยโบราณ การเป็นอาจารย์ไม่ใช่เป็นผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับหนังสือ ตำรา แต่เป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการต่อสู้ หรือเวทย์มนตร์ เหนือมนุษย์ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอยู่ในสมัยก่อนที่เน้นความเป็นอยู่ มีการต่อสู้ การดำรงชีวิตอยู่มากกว่าปัจจุบัน หรือ เรื่องการเลือกคู่ของหญิงชนเผ่า ในแถบเทือกเขาทางตะวันตกของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีหลายเผ่าที่หญิงเป็นใหญ่ และมีสิทธิ์ มีเสียงของตนเอง จากเรื่องเล่านี้เราจะเห็นว่าทั้งนางเองและบิดาของนาง ต่างไม่ยอมให้แก่ยักษ์ และในเรื่องเล่าเองฝ่ายชายแทนที่จะเป็นมนุษย์หรือโจร กลับเป็นอมนุษย์ ซึ่งหากเป็นมนุษย์ผู้ชายแล้ว คงไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ คงต้องยอมรับการตัดสินใจของฝ่ายหญิงแต่โดยดี
นอกจากนั้น ยังมีวิถีชีวิตที่ถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบัน คือการที่พี่ต้องทำงานหนักมากกว่าน้อง โดยเฉพาะพี่คนโตที่ต้องรับภาระช่วยบิดามารดาทำงาน ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือนอกบ้าน ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากภูเขาคนน้องที่สูงใหญ่ โตกว่าพี่ๆ
และการที่ให้ภูเขาเป็นเพศหญิงนั้น มองได้หลายมุมเช่นกัน ซื่อกูเหนี่ยงซัน แม้จะเป็นภูเขาหิน ไม่มีต้นไม้ใหญ่ แต่ก็เต็มไปด้วยหิมะตลอดปี ซึ่งเป็นแหล่งน้ำ หิมะที่ละลายจากยอดเขาในเวลากลางวันหรือเมื่อฤดูร้อน ก็จะเป็นสายน้ำที่หล่อเลี่ยงหมู่บ้านแถบเชิงเขา ที่ทำการเกษตร เป็นแหล่งน้ำให้คนและสัตว์ได้อาศัย เสมือนเป็นแม่ผู้เลี้ยงดูลูก ตลอดจนลักษณะของภูเขาที่สวยงาม เปลี่ยนสีที่สะท้อนจากท้องฟ้าตามเวลาและฤดูกาล ก็เปรียบได้กับหญิงที่สวยงามเหล่านี้เป็นต้น
หากใครจะมองภูเขาสี่ดรุณีนี้ว่าเป็นเพียงความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น ความงามนั้นก็คงจะจบลงเมื่อมองด้วยสายตาเท่านั้น แต่เมื่อได้มองและเข้าใจถึงตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา เราจะเห็นความงามของวิถีชีวิต รวมถึงขนบและวิธีคิดของผู้คนแถบนั้นอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูล และภาพสวยๆ จาก
1.www.outlooktravel.co.th
2.www.go4get.com